“หลักสูตรการเรียน”
อีกหนึ่งเกณฑ์สำคัญในการเลือกโรงเรียนสำหรับเด็กประถม????
เพราะเด็กแต่ละคนมีความชอบ ความสนใจ และเหมาะสมกับหลักสูตรที่แตกต่างกันไป วันนี้ป้าหนอนเลยนำเอาหลักสูตรทั้ง 5 แบบ พร้อมข้อดี จุดเด่น มาให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลองอ่านดู เพื่อเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้ลูกน้อยค่ะ มีอะไรบ้างนั้น ไปอ่านกันเลยค่ะ✨
?หลักสูตรสามัญ?
เป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยมีทั้งหมด 8 วิชา ประกอบไปด้วย ภาษาไทย, คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, ภาษาอังกฤษ, สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม, สุขศึกษาและพลศึกษา, ศิลปะ, และ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ซึ่งข้อดีก็คือ หลักสูตรสามัญเป็นการปูพื้นฐานทั่วไป และใช้กันแพร่หลายมากที่สุด ดังนั้นการต่อยอดในชั้นที่สูงขึ้นไปก็จะง่ายต่อตัวเด็ก เพราะทั้งโรงเรียนเอกชน และรัฐบาลส่วนใหญ่ก็ใช้หลักสูตรสามัญนี้ รวมไปถึงในขั้นอุดมศึกษา หลักสูตรสามัญก็ตรงกับการเรียนในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่มากที่สุด
?หลักสูตรสาธิต?
เป็นโรงเรียนที่อยู่ในความดูแลตามสังกัดมหาวิทยาลัย โดยมีขึ้นเพื่อให้นิสิต นักศึกษาคณะครุศาสตร์มาฝึกสอน ดังนั้นจึงเป็นที่มาของคำว่าสาธิต เนื่องจากคุณครูฝึกสอนมาจากเด็กมหาวิทยาลัยในสังกัด นโยบายต่างๆจึงขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย การเรียนการสอนจึงมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สอดคล้องกับการทดลองสอนที่ต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่หลักสูตรสาธิตจะมีความเข้มข้นในด้านวิชาการ อีกทั้งยังส่งเสริมให้เด็กกล้าแสดงออก เพื่อจูงใจให้เด็กคิด และเสนอความคิดเห็นในมุมของของตัวเอง
?หลักสูตร2 ภาษา หรือ English program?
จะเป็นหลักสูตร 2 ภาษา โดยเน้นให้เด็กๆใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่มีแต่ภาษาไทย ดังนั้นเด็กจะได้เรียนทุกวิชาทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ยกเว้นในวิชาภาษาไทย และวิชาสังคม โดยเนื้อหาจะเหมือนกับหลักสูตรสามัญ แต่จะมีการแปล หรือนำเอาหลักสูตรจากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้เป็นภาษาอังกฤษด้วย ข้อดีที่เด่นชัดแน่นอนว่าเด็กๆจะได้เรียนทั้ง 2 ภาษา โดยความเข้มข้นทางด้านวิชาการก็ยังคงอยู่ ดังนั้นในการต่อยอดการเรียนของเด็กๆในชั้นที่โตขึ้น จนถึงมหาวิทยาลัย หลักสูตร 2 ภาษาก็ไม่ต่างจากการเรียนหลักสูตรสามัญนัก
?หลักสูตรนานาชาติ?
หรือโรงเรียนอินเตอร์ เป็นหลักสูตรที่จะทำให้เด็กๆได้เรียน เล่น และใช้ภาษาอังกฤษทุกวันที่อยู่โรงเรียน การเรียนการสอนจะนำเอาหลักสูตรจากต่างประเทศ เช่น อังกฤษ แคนนาดา หรือ สิงคโปร์ อีกทั้งสภาพแวดล้อมก็มีความนานาชาติมากกว่าหลักสูตร 2 ภาษา เพราะจะมีทั้งครูและนักเรียนต่างชาติ เปิดโอกาสให้เด็กได้ถามตอบ แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย โดยหลักสูตรจะไม่ได้เน้นทฤษฎี แต่จะเน้นที่การปฏิบัติ เพื่อให้เด็กเข้าใจเกี่ยวกับเนื้อหาอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การท่องจำ อีกทั้งจำนวนชั่วโมงเรียน ก็น้อยกว่าโรงเรียนในหลักสูตรอื่นเช่นกัน
?หลักสูตรทางเลือก?
เป็นหลักสูตรบูรณาการ ที่นำเอาการเรียน และการเล่นมาผสมกัน เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้ใช้ชีวิต และเติบโตอย่างสมวัย หลักสูตรทางเลือกมีความยืดยุ่นมากกว่าหลักสูตรอื่นๆเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้เน้นการเรียนการสอนที่เป็นเชิงวิชาการ และไม่ได้อิงตามหลักกระทรวงศึกษาธิการ แต่จะเน้นให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 เช่นการเรียนจากการทดลอง หรือการไปนอกสถานที่ ซึ่งสำหรับการเรียนแบบ Home school ก็เป็นการนำเอาหลักการของหลักสูตรทางเลือก มาปรับใช้เช่นเดียวกัน
คุณพ่อคุณแม่ สามารถเลือกโรงเรียนจากหลายเกณฑ์ โดยเกณฑ์ในเรื่องหลักสูตรของการเรียนการสอน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมกับลูกน้อย ในเกณฑ์นี้ รวมไปถึงตารางเรียน ชั่วโมงเรียนในแต่ละวัน ที่เด็กๆจะได้เรียน เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อย่างมีความสุข และมีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ
ขอขอบคุณแหละที่มา https://th.theasianparent.com/elementary-which-is-good-for-kids , https://www.finnomena.com/tanhnanchya/6-school-types/#anchor-5