มื้อเช้านั้นสำคัญไฉน
มื้อสำคัญสำหรับลูกน้อยที่ไม่ควรละเลย
ใครๆก็รู้อยู่แล้วว่าคนเราต้องกินอาหารอย่างเหมาะสม 3 มื้อต่อ 1 วัน กินน้ำวันละ 8 แก้ว และนอนวันละ 8 ชั่วโมง และยิ่งในวัยผู้ใหญ่ที่เราต้องจัดการตัวเองด้วยตัวของเราเอง การที่เรากินไม่ครบหรือนอนน้อยกว่าที่กำหนดไว้ก็ไม่ได้เกิดผลอะไร ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนละเลยการจัดระเบียบพฤติกรรมเหล่านี้ โดยไม่ได้นึกเลยว่าอาหารต่างๆที่เริ่มปรากฏขึ้นอย่างช้าๆนั้น เกิดจากการไม่กินและไม่นอนอย่างเหมาะสมตั้งแต่ยังเด็กนั่นเอง
มนุษย์
มีการเจริญเติบโตและความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุ โดยเฉพาะในช่วงวัยประถม ที่อายุ 6-12 ปี อาจดูน่าแปลกแต่เด็กประถมมีการใช้พลังงานในวันหนึ่งๆมากกว่าผู้ใหญ่หลายคน
เพราะพฤติกรรมของเด็กวัยนี้ ต้องการการเล่น การออกกำลังเพื่อถ่ายพลังงานที่มีอยูมในตัวออกมาอย่างเหมาะสม เพื่อให้ร่างกายเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้กำลังของเด็กวัยนี้ก็ต้องใช้ไม่น้อยกว่าวัยอื่น เพราะเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้โลก สิ่งต่างๆรอบตัว ทั้งวิชาการ การละเล่น รวมถึงวัฒนธรรมต่างๆที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด การกินอาหารให้ครบมื้อและครบ 5 หมู่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
อาหารเช้า
เป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นการเติมอาหารหลังจากที่อดอาหารช่วงนอนหลับมาทั้งคืนมากกว่า 10 ชั่วโมง และในตอนเช้าระดับน้ำตาลในเลือดจะต่ำ หากไม่มีอาหารตกถึงท้อง ร่างกายที่สูญเสียพลังงานออกไปจะดึงพลังงานคาร์โบไฮเดรตที่สะสมไว้ในตับมาใช้แทน ทำให้พลังงานที่กักเก็บไว้ในยามจำเป็นหายไป ซึ่งถ้าหากไม่กินอาหารเข้าไปเติมพลังงานหลักและรองก็จะหมดทำให้หน้ามืดและเป็นลมได้
นอกจากนี้อาหารเช้ายังเป็นส่วนสำคัญของการทำงานของสมอง ที่เกี่ยวข้องกับความจำ การเรียนรู้และการกระตือรือร้น การกินอาหารเช้าไม่เพียงพอทำให้ท้องหิว ปวดท้อง ไม่มีสมาธิในการเรียน วัยนี้ถึงจะตัวเล็กแต่ต้องการพลังงานต่อหน่วยมากกว่าผู้ใหญ่มาก จึงต้องกินให้ถูกต้องและครบถ้วน มีงานวิจัยมากมายกล่าวว่าการที่เด็กอดมื้อเช้าจะส่งผลเสียทางด้านการเรียนรู้ หงุดหงิดง่าย เหนื่อยง่าย และประสิทธิภาพทางสติปัญญาที่ลดลงในระยะยาว เทียบกันกับเด็กที่กินอาหารเช้าเป็นประจำจะทำงาน มีร่างกายที่สดใส อารมณ์ดี และเรียนรู้ได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
การกินอาหารเช้านอกจากช่วยในเรื่องทั่วๆไปโดยเฉพาะการเรียนรู้และอารมณ์แล้ว อาหารเช้ายังมีข้อดีอื่นๆที่ไม่ควรพลาดมากๆด้วย
1.ควบคุมน้ำหนัก
อย่างที่กล่าวไปข้างบนว่าร่างกายเราผ่านการอดอาหารจากช่วงการนอนมากว่า 10 ชั่วโมง เมื่อเราไม่กินอาหารเช้าจะทำให้พลังงานสำรองถูกนำมาใช้งานโดยไม่จำเป็น ซึ่งจะทำให้ระบบเผาผลาญช้าลง ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ และเมื่อหิวมาก การกินในมื้อต่อไปก็จะเพิ่มขึ้น และเกิดการกินจุบจิบระหว่างวันมากขึ้น ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
2.ลดความเสี่ยงโรคเส้นเลือดสมองอุดตันและโรคหัวใจ
ในช่วงเช้าเป็นช่วงที่เลือดมีความเข้มข้นสูง และเมื่อเลือดแบบนี้ไปหล่อเลี้ยงสมองก็จะเกิดการหนืดของน้ำเลือดและอาจเกิดการแข็งตัวจนอุดตันได้ การกินอาหารเช้าจะทำให้ระดับความเข้มข้นของเลือดลดลง และการกินน้ำในตอนเช้าจะทำให้เลือดเจือความเข้มข้น และไม่หน้ามืดได้
3.ลดความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน
การทานอาหารเช้าจะทำให้ ‘ภาวะดื้ออินซูลิน’ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ลดลง 35-50 %
4.ลดการเกิดโรคนิ่ว
การอดอาหารนานกว่า 14 ชั่วโมงทำให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันเป็นก้อนซึ่งเป็นสาเหตุของนิ่วในถุงน้ำดี การกินอาหารเช้าจะกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำดีออกมาละลายคอเลสเตอรอลทำให้ไม่จับตัวกันจนเกิดปัญหาต่อไป
5.กระตุ้นสมอง
อย่างที่รู้ๆกัน มื้อเช้าทำให้พลังกายและพลังใจสูบฉีดอย่างเต็มที่ เสริมพลังงานให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม ทั้งการเรียน การทำงาน ความจำ การเรียนรู้ และภาวะอารมณ์
แต่การสร้างพฤติกรรมการกินอาหารเช้านั้นเป็นเรื่องที่ต้องทำร่วมกัน โดยพ่อ-แม่ต้องทำเป็นตัวอย่างให้ลูกๆเห็นและเกิดการเลียนแบบพฤติกรรม โดยการกินอาหารเช้า หรือทำอาหารเช้าทุกๆวัน ทำให้ช่วงเวลามื้อเช้าเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำเพื่อให้เด็กๆเรียนรู้และใจจดใจจ่อกับช่วงเวลานี้ ที่สำคัญคือต้องหัดตั้งแต่ยังเล็กๆ เพื่อให้เขาเรียนรู้และจดจำจนเป็นนิสัย
อาหารเช้า เป็นมื้อที่สำคัญมากๆ ซึ่งเราควรตระหนักถึงความสำคัญตรงนี้อย่างมาก และใส่ใจสุขภาพของลูกน้อยทางร่างกายให้มากพอกันกับสุขภาพเกรดทางการเรียน เพราะร่างกายที่ดีก็จะนำมาสู้สมองที่ดี และจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในเรื่องต่างๆอย่างเหมาะสมดังที่พ่อ-แม่ต้องการ