6 เกณฑ์การเลือกโรงเรียนประถมให้ลูก
ปัจจุบันการศึกษาเข้าถึงคนส่วนมากอย่างแพร่หลาย นอกจากเป็นการศึกษาตามระดับมาตราฐานของกระทรวงศึกษาธิการที่ควรได้รับแล้ว ยังเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการให้ความสำคัญของผู้ปกครองที่มีต่อลูกหรือเด็กในครอบครัวด้วย หลายคนเริ่มกังวลและหาข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าเรียนของเด็กระดับประถมมากขึ้น ใส่ใจการศึกษาของเด็กตั้งแต่ก้าวแรกของการเข้าสู่รั้วโรงเรียน รวมถึงปูเส้นทางการเรียนของเด็กๆไว้ตั้งแต่เขายังไม่ลืมตาดูโลก ทำให้เห็นว่าการเลือกสถานศึกษาสำคัญและต้องมีการเตรียมตัวอย่างมาก
การเลือกโรงเรียนของหลายคนอาจจะมีปัจจัยที่แตกต่างกันไป แต่วันนี้ป้าหนอนจะมาบอกเกณฑ์การเลือกโรงเรียนที่ควรใช้ในการคัดเลือก ที่จะครอบคลุมในทุกๆเรื่อง รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่เล็กน้อยแต่สำคัญกัน โดยยึดได้จากเกณฑ์ 6 ข้อนี้ได้เลย

1.คุณภาพของโรงเรียน
การดูบรรยากาศของโรงเรียน สิ่งแวดล้อม ความพร้อมต่างๆของโรงเรียน เช่น มีสระว่ายน้ำ มีสนามหญ้าที่เขียวสะอาด มีห้องสมุดที่มีการยืม-คืนหนังสืออย่างสม่ำเสมอ ห้องน้ำนักเรียนที่สะอาดและมีการทำความสะอาดตลอดวัน การทำให้บรรยากาศการใช้ชีวิตทั้งวันที่โรงเรียนสดชื่นเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก การดูคุณภาพด้านนี้ที่ดีที่สุดคือการเข้าไปดูด้วยตนเอง อาจจะพาเด็กๆไปดูด้วยกันเพื่อให้เขาคุ้นเคยกับโรงเรียน และเป็นภาพจำแรกของเขาได้ด้วย การดูสภาพอุปกรณ์และเครื่องเล่นต่างๆก็สำคัญ การเลือกวัสดุที่เหมาะกับเด็กหากเกิดอุบัติเหตุ เครื่องเล่นที่มีการดูแลและซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ หรือวัสดุทำทางเดินที่หากวิ่งหกล้มจะเจ็บมาก-น้อยเพียงใด ให้รู้สึกว่าการฝากลูกหลานของเราไว้ในโรงเรียนนี้ทั้งวัน ทุกวัน เราควรต้องสบายใจและคัดเลือกที่ที่พอใจทั้งเราและเด็กๆร่วมกัน เป็นการสร้างความพึงพอใจให้กันและกัน และทำให้มั่นใจว่าเด็กๆของเราจะปลอดภัยอย่างดีในทุกๆวัน
2.บุคลากร
นอกจากสถานที่และอุปกรณ์แล้ว ผู้คนก็สำคัญเช่นกัน การเลือกโรงเรียนที่บุคลากรมีคุณภาพ ที่นอกจากจะเก่งและมีความเชี่ยวชาญในส่วนงานของตนเองแล้ว ยังต้องมีทัศนคติที่ดีต่อเด็กเล็ก เข้าใจพื้นฐานการแสดงออกของเด็กๆไม่ว่าจะทางที่ดีหรือไม่เหมาะสม และรับมือได้อย่างดีโดยที่จะไม่ทำให้เด็กๆกลัวหรือมีพฤติกรรมในทางที่ไม่ดีตามมา นอกจากครู พี่เลี้ยง หรือแม้แต่พนักงานอื่นๆ ยังต้องดูสังคมเด็กๆที่นี่ว่ามีรสนิยมหรือการใช้ชีวิตเป็นอย่างไร เพื่อดูว่าลูกหลานของเราจะเข้ากับพวกเขาได้หรือไม่ พฤติกรรมการเล่นกันของเด็กๆเองเป็นอย่างไร จุดนี้การให้เด็กๆร่วมเล่นด้วยกันเองจะดีที่สุด นอกจากเป็นการเรียนรู้กันแล้ว ยังทำให้ประเมินได้ว่าหากเกิดปัญหาระหว่างกันแต่ละคนจะจัดการกับปัญหานั้นๆอย่างไร

3.หลักสูตรและแผนการเรียน
อย่างที่บอกไปด้านบนว่าแต่ละโรงเรียนจะมีการเรียนการสอนและจุดเด่นที่แตกต่างกัน เมื่อเลือกการเรียนหลักๆได้แล้ว ก็ต้องมาดูว่าจุดเด่นของแต่ละที่เป็นอย่างไร เช่น นานาชาติ จะเน้นภาษาเป็นหลัก แต่จะแตกต่างที่บางที่เน้นภาษาอังกฤษ บางที่เน้นภาษาอังกฤษและภาษาที่สาม เป็นต้น หรือกระทั่งโรงเรียนสาธิตแต่ละที่ก็จะมีแผนการเรียนที่ต่างกัน บางที่เน้นการเรียนรู้ตัวเอง จัดตารางเรียนเองได้ตามความถนัดตามที่โรงเรียนกำหนด บางที่เน้นการเรียนว่าคือการทดลอง มีการเรียนรู้ ทดลองและปรับใช้โดยตัวเด็กเป็นคนทดลองตัวเองเอง เป็นต้น
4.ตารางเรียน
นอกจากแผนการเรียนแล้ว สิ่งที่ใกล้กันและสำคัญมากคือตารางเรียน ควรขอดูตารางเรียนจริงที่มีการเรียนการสอนจริง แล้วดูว่าที่โรงเรียนนั้นเน้นด้านใดๆก็ตาม กิจกรรมมันเยอะแล้วก็อัดแน่นเกินไปหรือไม่ เช่น เรียนตลอดทั้งวันรวมวิชากิจกรรมแล้ว แต่ไม่มีเวลาให้เด็กๆได้ใช้เวลากับตัวเองเลย เป็นต้น การดูตารางเรียนจะทำให้เรารู้ว่าเด็กๆต้องเรียนอะไรบ้างในแต่ละวัน และเราจะสนับสนุนและช่วยเหลือเด็กๆอย่างไรได้บ้างให้เขามีความสุขและรู้สึกดีกับการเรียนในทุกๆวันมากที่สุด

5.ระยะทาง
การเลือกโรงเรียนที่ถูกใจแต่ไกลบ้านจะทำให้เด็กๆต้องตื่นเช้ามากขึ้นเพื่อเข้าเรียนให้ทัน ซึ่งการนอนในช่วงวัยนี้สำคัญมาก มีการทดลองว่าการที่เด็กๆต้องตื่นเช้าเพื่อเตรียมตัว ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนเพื่อไปโรงเรียนทำให้เกิดความเครียดสะสมและส่งผลถึงศักยภาพการเรียนรู้ที่ต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเด็กที่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอและตื่นในเวลาที่เหมาะสม ดังนั้นการเลือกโรงเรียนที่ระยะทางไม่ไกลมาก อาจจะขับรถไม่ถึง 15 นาทีแล้วถึงโรงเรียนเลย น่าจะเป็นเรื่องที่ดีต่อตัวเด็กมากกว่าโรงเรียนที่ถูกใจแต่ไกลบ้านมากกว่า

6.ค่าใช้จ่าย
เรื่องที่ใหญ่มากสำหรับผู้ปกครองทุกๆคน สิ่งที่ต้องคำนึงถึงไม่ใช่ว่าโรงเรียนดีแล้วค่าเทอมแพงเกินไปมั้ย แต่ให้คิดว่าจากปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด ในโรงเรียนที่ถูกใจและเข้าตาที่สุด เมื่อเอาค่าเทอมของทุกเทอมตลอดช่วงการเรียนมารวมกันจนหมดแล้ว ในค่าใช้จ่ายจำนวนนี้เราจ่ายไหวมั้ย และต้องอย่าลืมรวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการเรียนที่เป็นก้อนเงินที่ไม่แน่นอนเข้าไปด้วย มันคือการแพลนการเงินระยะยาวที่ยาก แต่จำเป็นต้องทำมากๆ เพราะถ้าหากเกิดมีปัญหาติดขัดกลางทางทำให้ไม่สามารถไปต่อกับโรงเรียนเดิมได้ การย้ายโรงเรียนจะมีผลต่อเด็กเป็นอย่างมาก และการวางแผนทุกๆข้อที่ผ่านมาจะเสียเปล่าทันที จึงควรวางแผนการเงินเป็นแผนใหญ่ที่สุดเลย หรืออาจจะกำหนดราคาที่จ่ายไหวไว้แต่แรกแล้วค่อยเลือกโรงเรียนที่เข้าเกณฑ์เราที่สุดแบบนี้ก็ได้เช่นกัน ก็จะดีทั้งต่อผู้ปกครองเองและดีต่อเด็กด้วย
การคัดเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับเด็กๆเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองทุกคนทำเพื่อให้ลูกหลานของตัวเองได้เจอได้อยู่ในที่ที่ดีและมีคุณภาพ ได้รับการศึกษาขั้นต้นที่ดี เพราะเมื่อต้นทุนดีการไปต่อยอดก็จะไปได้ไกลและมีประสิทธิภาพมาก แต่ต้องอย่าลืมว่าคนที่สำคัญที่สุดในนี้ก็คือตัวเด็กๆเอง หากทุกอย่างดีแต่เด็กไม่ชอบก็ควรที่จะเคารพการตัดสินใจของเด็ก เพราะถึงแม้เขาจะเป็นเด็กแต่ก็มีความคิด มีความรู้สึก เขาคือคนที่จะอยู่ในโรงเรียน อยู่กับสังคมนั้นๆไปตลอดหลายปี ได้พบเจอสถานที่ ผู้คนและบรรยากาศด้วยตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมหรือดูแลอะไรเพิ่มเติมได้มากนัก จึงควรร่วมกันตัดสินใจให้ดี เพื่อให้ช่วงเวลาอีกหลายๆปีต่อจากนี้มีแต่ความทรงจำที่ดี และเป็นรากฐานชีวิตที่ดี มีประสิทธิภาพให้กับเด็กๆในอนาคตค่ะ
แต่ต้องอย่าลืมว่าคนที่สำคัญที่สุดในนี้ก็คือตัวเด็กๆเอง หากทุกอย่างดีแต่เด็กไม่ชอบก็ควรที่จะเคารพการตัดสินใจของเด็ก จึงควรร่วมกันตัดสินใจให้ดี เพื่อให้ช่วงเวลาอีกหลายๆปีต่อจากนี้มีแต่ความทรงจำที่ดี และเป็นรากฐานชีวิตที่ดี มีประสิทธิภาพให้กับเด็กๆในอนาคต